+ข่าวประชาสัมพันธ์

 

ก.ดีอี เตือน อย่าเปิดอีเมลไม่รู้จัก ป้องกันการติดมัลแวร์เรียกค่าไถ่

 

กระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมรับมือ-แก้ปัญหามัลแวร์เรียกค่าไถ่ ย้ำผู้ใช้คอมฯ อย่าเปิดอีเมลที่ไม่รู้จักแหล่งที่มา หากพบว่าคอมพิวเตอร์ติดมัลแวร์ดังกล่าวแล้ว ให้ปิดเครื่องและแจ้งผู้ดูแลระบบของหน่วยงาน หรือแจ้งศูนย์ OCC (Online Complaint Center) โทร. 1212 

นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ชื่อ “WannaCry” ระบาดไปยังคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟต์ทั่วโลก เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมัลแวร์ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อก่อความเสียหายแก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะถูกส่งมายังคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้โดยไม่มีข้อมูลใดๆ ของผู้ส่ง เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ หรือดาวน์โหลด ตัวมัลแวร์จะทำงานด้วยการบล็อกไฟล์เอกสารต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัสลับ ซึ่งผู้ใช้จะไม่สามารถเปิด หรือดาวน์โหลดข้อมูล ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของตัวเองได้เลย ปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์ที่ถูกระบบ WannaCry นี้ เข้าบล็อกข้อมูลแล้วกว่า 1 แสนเครื่องทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ โรงพยาบาลกว่า 10 แห่ง ไม่สามารถเปิดบริการได้ เนื่องจากคอมพิวเตอร์ถูกมัลแวร์ดังกล่าวเล่นงาน ตัว WannaCry หรือ มัลแวร์เรียกค่าไถ่นี้ เมื่อคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้คนใดกลายเป็นเหยื่อ หากต้องการที่จะปลดล็อก จะต้องจ่ายเงินประมาณ 300 ดอลลาร์ หรือประมาณ 10,500 บาท และจะเพิ่มมูลค่าขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการไถ่ข้อมูลคืน ในรูปแบบของ Bit Coin ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเปิดไฟล์เอกสารต่างๆ ได้ 

น.อ.สมศักดิ์ฯ กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงกรณีดังกล่าว โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงดิจิทัลฯ เร่งติดตามเฝ้าระวังปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ซึ่ง ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ได้มอบหมายให้ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (ThaiCERT) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA ดำเนินการแจ้งเตือนและให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์และผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานในทันที รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ใช้คอมพิวเตอร์หรือผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานต่างๆ อย่างทันการณ์ตลอดเวลา ซึ่งในส่วนของประเทศไทยขณะนี้ยังไม่พบความเสียหายที่ร้ายแรงจากการติดมัลแวร์ดังกล่าวแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์หรือผู้ดูแลระบบของหน่วยงานต้องดำเนินการในเบื้องต้น คือ การป้องกันไม่ให้มัลแวร์ดังกล่าวเข้ามาอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเราด้วยการไม่เปิดไฟล์เอกสารแนบของอีเมลโดยไม่จำเป็น และควรตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ที่ถูกส่งเข้ามาในอีเมล หรือช่องทางต่าง ๆ ให้แน่ใจก่อนเปิดอ่าน ที่สำคัญควรปรับปรุงระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ หรือ OS ของระบบวินโดว์ (Windows) ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด รวมทั้งควรสำเนาข้อมูลสำคัญต่างๆ ไว้ในฮาร์ดดิสต์อื่น (External Hardisk) อยู่เสมอ เพื่อเป็นการสำรองข้อมูล 

สำหรับแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดนั้น กรณีผู้ใช้งานทั่วไปเมื่อผู้ใช้พบว่าคอมพิวเตอร์ติดมัลแวร์ดังกล่าวแล้ว ให้ปิดเครื่องและแจ้งผู้ดูแลระบบของหน่วยงาน หรือแจ้งศูนย์ OCC (Online Complaint Center) โทร. 1212 สำหรับผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ ให้ปิดบริการ SMBv1 ที่ Windows servers และปิดการเข้าถึงพอร์ต TCP/UDP 135-139 และ TCP 445 ที่อุปกรณ์ Firewall โดยสามารถติดต่อ ThaiCERT ETDA โทร. 02-123-1212 ได้ตลอด 24 ชม.
ขอบคุณ ข้อมูล ภาพ และคลิปแหล่งที่มาจากเว็บไซต์  VOICE TV 21
post : จันทร์  ที่ 15  พฤษภาคม  2560  เวลา  11:00:04 น.  by  www.CreditOnHand.com
 

วันที่ปรับปรุงข่าว : 2560-05-17 04:05:06